
การชนะศัตรู(มาร)ตามแบบชัยมงคลคาถา
- 1. มนต์เป้นคำสำหรับสวดเพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิื
2. มนต์เป็นคำสวดที่ระลึกถึงพระรัตนตรัย
3. มนต์เป็นเครื่องสร้างกำลังใจหรือทำใจให้เข้มแข็ง
4. มนต์เป็นความขลังที่น่าประทับใจและมีเสน่ห์
5. มนต์เป็นเครื่องเตือนสติไม่เกิดความประมาท
พระคาถาแรกที่เริ่มสวด พาหุงสะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ฯลฯ แปลความได้ว่าด้วยอานุภาพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นจอมมุนี ได้ทรงชนะพญามารที่เนรมิตแขนตั้งพัน ถืออาวุธครบมือ ขี่ช้างพลายคีรีเมขล์พร้อมด้วยเสนามารโห่ร้องกึกก้อง ด้วยธรรมวิธีมีทานบารมีเป็นต้น พระคาถานีนั่นคือพระองค์ชนะศรัตรูที่เข้มแข็งมีมือเท้าตั้งเป็นพัน มีบริวารอีกมากมาย บารมีของท่านที่ทำมาก็คือ ทาน จะเป็น ทานพวกสิ่งของ หรือธรรมทาน หรือ อภัยทาน เป็นต้นนั้นกลายเป็นเกราะกำบังภัยให้ทรงชนะได้ ส่วนบารมีที่พระองค์ทำไว้ในอดีตก็มีมากหรือหากจะดูสั้นที่สุดก็คือ บารมี 10 ปรการ(ทศบารมี) ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตย์บำเพ็ยบารมี 10 ชาติ คือ พระเตมีย์ บำเพ็ญเนกขัมมะบารมี พระมหาชนก บำเพ็ญวิริยะบารมี พระสุวรรณสามบำเพ็ญเมตตาบารมี พระเนมิราชบำเพ็ญอธิษฐานบารมี พระมโหสถบำเพ็ญปัญญาบารมี พระวิฑูรบำเพ็ญศีลบารมี พระจันทกุมารบำเพ็ญขันติบารมี พระนารท บำเพ็ญอุเบกขาบารมี พระวิธุระบำเพ็ญสัจจะบารมี และพระเวชสันดรบำเพ็ญทานบารมี เราสามารถย่อคำเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำหรือนำไปท่องบ่นได้ว่า เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว
พระคาถาที่สอง มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง ฯลฯ แปลได้ความว่าด้วยเดชพระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมมุนีได้ทรงเอาชนะ อาฬวกะยักษ์ ผู้ดุร้าย มีจิตกระด้างลำพอง หยาบช้ายิ่งกว่าพญามารเข้ามารุกรานตลอดรุ่งราตรี ด้วยขันติธรรม พระคาถานี้นี้ก็จะเห็นว่าบางครั้งการเอาชนะคนที่มีจิตใจชั่วร้ายเข้ามารุกรานเราด้วยการใช้ขันติตามแบบที่พระพุทธเจ้าใช้มาแล้ว
พระคาถาที่สาม นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ฯลฯ แปลความได้ว่าด้วยเดชของพระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมมุนีได้ทรงชนะ พญาช้างนาฬาคีรี ซึ่งกำลังเมามัน ร้ายแรงเหมือนไฟป่า ลุกลาม ร้องโกญจนาทเหมือนฟ้าฟาด ด้วยวิธีรดด้วยน้ำคือ เมตตาธรรม พระคาถานี่ก็เป็นวิธีเอาชนะความโกรธ พยาบาท อาฆาตที่รุนแรงด้วยสิ่งที่เยือกเย็ยยิ่งกว่าก็คือ การใช้เมตตาธรรม เพราะเมตตาธรรมเป้นสิ่งที่คำจุนสังคม(โลก)ไว้ได้
พระคาถาที่สี่ อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ฯลฯ แปลความได้ว่าด้วยเดชของพระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมมุนีได้ชนะ องคุมาลโจร ผู้ทารุณร้ายกาจนัก ทั้งฝีมือก็เยี่ยมควงดาบไล่ตามพระพุทธเจ้าระยะทาง 3 โยชน์ ด้วยอิทธิปาฏิหารย์ บางทีการเอาชนะคนที่ไม่ยอมรับฟังหรือมีความเชื่อมั่นอย่างไม่ใครเลยก็ต้องใช้ฤทธิ์(อำนาจ) ที่มีอยู่ให้เขารู้สึกสำนึกตัวจึงจะใช้หลักธรรมอื่นๆ ได้ดี
พระคาถาที่ห้า กัตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา ฯลฯ แปลโดยความว่า ด้วยเดชของพระพุทธเจ้าผุ้เป้นจอมมุนี ได้ทรงชนะ นางจิญจะมาณะวิกา ที่ทำมารยาเสแสร้ง กล่าวโทษพระองค์ โดยผูกท่อนไม้กลมเข้ากับท้องทำเป็นท้องแก่มีครรภ์ ด้วยสมธิวิธี พระคาถานี้ ได้แสดงให้เห็นว่าหากคิดว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริงต้องมีความสงบตั้งมั่นที่จะเผชิญกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่จริง โดยไม่สะทกสะท้อน หรือที่เรียกว่าเอาความสงบสะยบความวุ่นวาย
พระคาถาที่หก สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง ฯลฯ แปลโดยความว่าด้วยเดชของพระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมมุนี ผู้รุ่งเรืองด้วยประทีปคือปัญญาได้พบทาบชนะ สัจจะนิครนถ์ ผู้มีนิสัยตะลบแะแลง มีสันดานโอ้อวด มืดมน ด้วยเทศนาญาณวิธี พระคาถานี้แสดงให้เห็นว่าคนมีความรู้บางคนชอบโอ้อวด ทั้งที่อาจไม่รู้จริงก็ได้คนพวกนี้ผุ้ที่ต้องควบคุมต้องใช้ความรู้ในการสั่งสอนเพื่อปราบพยศ
พระคาถาที่เจ็ด นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ฯลฯ แปลโดยความว่าด้วยเดชแห่งพระพุทธเจ้าผู้เป้นจอมมุนีโปรดให้พระโมคคัลลานะเถระ นิรมิตกายเป็นนาคราชไปทรมาน นันโทปะนันทะ
นาคราช ผู้มีฤทธิ์มากแต่มีความรู้ผิดด้วยวิธีอุปเทศแห่งฤทธิ์ พระคาถานี้แสดงว่าการสอนของพระองค์บางก็ใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง และรู้จักใช้บุคคลที่เหมาะสมกับงาน
พระคาถาที่แปด ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง ฯลฯ แปลโดยความว่าด้วยเดชแพ่งพระพุทธเจ้าผู้เป็นจอมมุนีได้ทรงชนะท้าว พกาหรหม ผู้มีฤทธิ์สำคัญตนว่ามีฤทธิ์รุงเรือง รุ่งเรืองด้วยวิสุทธิคุณ ถือมั่นในมิจฉาทิฏฐิเหมือนดังถูกงูร้ายรัดรึงไว้แน่น ด้วยวิธีประทานยาพิเศษคือเทศนาญาณ พระคาถานี้ก็จะเห็นอีกว่าคนที่มีความรู้แล้วสำคัญตนผิดไปต้องใช้ความรู้ที่มากกว่า ใช้ความบริสุทธิ์ที่มากกว่า ใช้ความดีที่เหนือกว่าจึงจะเอาชนะทิฏฐิของคนบางคนได้
ส่วนพระคาถาที่เก้าเป็นการสนับสนุนว่าคนใดก็ตามได้ท่องบ่นภาวนาพระคาถาทั้งแปดข้าต้นและนำไปปฏิบัติจะทำให้ปราสจากภัยอันตรายใดๆทั้งหลายได้จากพุทธวิธีเอาชนะมารของพระพุทธเจ้าที่ได้ผูกเป้นพระคาถาไว้ให้บุคคลทั่วไปได้ท่องบ่นภาวนาแล้วเนื้อธรรมในพระคาถายังเป็นแนวทาง เป็นวิธีการที่ให้เรานำไปใช้ในชีวิตประจำวันทั้งส่วนตัว หรือการบริหารงาน บริหารคนได้ ส่วนรายละเอียดของเรื่องผู้สนใจควรค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อให้ได้อรรถรส ของเรื่องและธรรม หรือพุทธจริยาวัตรของพระพุทธเจ้าได้มากยิ่งขึ้น
อ้างอิง
1. ธ.สวัสดิ์นะที นิทานประกอบภาพชุดพระเจ้าสิบชาติ โรงพิมพ์บริษัทสหธรรมิก จำกัด 2543
2. พระมหาสิงห์ทน นราสโภ(คำซาว) พลังรังษีธรรม โรงพิมพ์บริษัทสหธรรมิก จำกัด 2543
3. พระครูอรุณ เขมรังษี มนต์พิธีแปล โรงพิมพ์อักษรสมัย(1999)
4. พิสิฏ เจริญสุข หนังสือสวดมนต์แปล โรงพิมพ์กรมการศาสนา 2545